เทียบราคาค่าไฟระหว่างรถ EV กับรถน้ำมัน ใช้จริงจ่ายเท่าไหร่?

[post-views]
ราคา ชาร์จรถไฟฟ้า , ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า , ชาร์จรถไฟฟ้าราคา , อัตราค่าชาร์จรถไฟฟ้า , ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า , ราคาค่าชาร์จรถไฟฟ้า

   ในยุคที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และเทรนด์การใช้พลังงานสะอาดได้รับความสนใจมากขึ้น การเปลี่ยนจากรถยนต์น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นทางเลือกที่เจ้าของบ้านและผู้ใช้รถจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง คำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาคือ “ชาร์จรถไฟฟ้าราคา เท่าไหร่?” หรือ “เมื่อใช้งานจริง รถ EV ประหยัดกว่ารถน้ำมันจริงหรือไม่?” ในบทความนี้ Queen Enterprise จะพาคุณมาเจาะลึกข้อมูล ราคาค่าชาร์จรถไฟฟ้า และเปรียบเทียบกับต้นทุนการใช้งานรถยนต์น้ำมัน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล พร้อมแนะนำแนวทางการ ติดตั้งตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ที่บ้านแบบมืออาชีพ

ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า: คิดยังไง? ใช้จริงเท่าไหร่?

   การคำนวณ ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า เริ่มต้นจากความเข้าใจพื้นฐานว่า รถ EV ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) โดยทั่วไป รถ EV 1 คัน จะใช้งานไฟฟ้าเฉลี่ย 5-7 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อการวิ่ง 100 กิโลเมตร ซึ่งแตกต่างกันตามขนาดของรถและสภาพเส้นทาง

ตัวอย่างการคำนวณ:

  • รถ EV ขนาดกลาง ใช้ไฟฟ้า 6 kWh ต่อระยะทาง 100 กม.

  • หากขับวันละ 50 กม. จะใช้ไฟฟ้า 3 kWh ต่อวัน

  • ใน 1 เดือน (30 วัน) จะใช้ไฟประมาณ 90 kWh

  • ค่าไฟฟ้าบ้านเรือนปกติอยู่ที่ประมาณ 4.2 บาท/หน่วย

  • ดังนั้น ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้าต่อเดือน ≈ 90 x 4.2 = 378 บาท

จะเห็นได้ว่า ราคาชาร์จรถไฟฟ้า ต่อเดือน ต่ำกว่าค่าใช้น้ำมันในระยะทางเดียวกันหลายเท่า


 

ราคาน้ำมัน vs ค่าไฟ: เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจริง

เรามาลองเปรียบเทียบกับรถน้ำมัน:

รถน้ำมันที่วิ่งได้ 12 กม./ลิตร หากวิ่ง 50 กม./วัน จะใช้ ≈ 4.16 ลิตร/วัน ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ย ≈ 38 บาท/ลิตร ค่าใช้จ่ายรายเดือน = 4.16 x 30 x 38 ≈ 4,742 บาท/เดือน

เปรียบเทียบรายเดือน:

รายการEV (ค่าไฟ)น้ำมัน
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน378 บาท4,742 บาท

แม้ราคาจะเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมการขับขี่ แต่จะเห็นว่า ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า ยังคงประหยัดกว่าน้ำมันอย่างชัดเจน


 

ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า: ลงทุนเท่าไหร่?

   อีกคำถามที่เจ้าของบ้านมักสงสัยคือ “ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า อยู่ที่เท่าไหร่?” ในตลาดปัจจุบัน ตู้ชาร์จรถไฟฟ้าสำหรับบ้านมีหลายระดับราคา ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและกำลังไฟที่รองรับ

ประเภทกำลังไฟราคาโดยประมาณ
Portable Charger3.6 kW5,000 – 10,000 บาท
Wallbox Charger7.4 kW – 11 kW18,000 – 35,000 บาท
Smart EV Chargerรองรับ App / Load Balance40,000 – 70,000 บาท

นอกจากนี้ยังต้องรวมค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าเพิ่มเติม เช่น เดินสาย, เบรกเกอร์, ระบบตัดไฟรั่ว รวมถึงสายดิน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 – 15,000 บาท

หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยในการ ติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน Queen Enterprise ให้บริการออกแบบระบบไฟฟ้า ตรวจสอบความพร้อม และติดตั้งอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในงบประมาณที่โปร่งใส พร้อมรับประกันความปลอดภัย

อัตราค่าชาร์จรถไฟฟ้า (เมื่อใช้สถานีชาร์จนอกบ้าน)

   แม้ว่าการชาร์จที่บ้านจะถูกที่สุด แต่บางครั้งคุณอาจต้องใช้สถานีชาร์จสาธารณะ เช่น EV Station PluZ, MEA EV หรือ EA Anywhere ซึ่งมี อัตราค่าชาร์จรถไฟฟ้า ที่แตกต่างกัน

สถานีประเภทหัวชาร์จอัตราค่าชาร์จ (บาท/หน่วย)
MEA EVAC6.5 – 7.5 บาท
EA AnywhereDC Fast8.0 – 9.5 บาท
EV Station PluZAC / DC7.0 – 8.5 บาท

ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะมากขึ้น หากคุณใช้บริการชาร์จนอกบ้านบ่อย ๆ โดยเฉพาะ DC Fast Charge ที่ชาร์จเร็วแต่แพงกว่าชาร์จปกติ

ใช้ EV ชาร์จกลางวันหรือกลางคืน แบบไหนคุ้มกว่า?

ในกรณีที่เจ้าของบ้านใช้ มิเตอร์ไฟฟ้าแบบ Time of Use (TOU) หรือระบบคิดค่าไฟตามช่วงเวลา การเลือกเวลาชาร์จรถก็สามารถประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นอีก

ช่วงเวลาอัตราค่าไฟ (ประมาณ)หมายเหตุ
Off-peak (22:00–08:00)2.6 – 3.2 บาท/หน่วยถูกที่สุด เหมาะกับการชาร์จกลางคืน
On-peak (08:00–22:00)4.2 – 5.0 บาท/หน่วยช่วงเวลาปกติ ค่าไฟสูงกว่า

ดังนั้นหากตั้งเวลาชาร์จในช่วงกลางคืน ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้าจะต่ำลงอย่างชัดเจน ตัวอย่าง:

ถ้าชาร์จตอนกลางคืน 90 kWh x 3.0 บาท = 270 บาทต่อเดือน
เทียบกับตอนกลางวัน 90 kWh x 4.2 บาท = 378 บาทต่อเดือน

เท่ากับว่าในแต่ละปีคุณสามารถประหยัดได้มากกว่า 1,200 บาท เพียงแค่ “เลือกเวลาชาร์จให้เหมาะสม” ซึ่ง Smart EV Charger หลายรุ่นสามารถตั้งเวลาอัตโนมัติได้ หรืออาจวางแผนติดตั้งวงจรเฉพาะให้สอดคล้องกับ TOU ได้ตั้งแต่แรกเริ่ม โดย Queen Enterprise ให้บริการออกแบบวงจรไฟฟ้าให้รองรับระบบนี้ตั้งแต่ต้น

ระยะเวลาคืนทุนในการติดตั้ง EV Charger

   อีกคำถามหนึ่งที่หลายคนมักสงสัยคือ “ถ้าติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน จะคืนทุนเมื่อไหร่?”
คำตอบขึ้นอยู่กับ:

  • ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้าที่คุณเลือก

  • พฤติกรรมการใช้งาน

  • และว่าคุณใช้สถานีชาร์จสาธารณะบ่อยแค่ไหน

ลองคำนวณแบบคร่าว ๆ:

  • หากติดตั้ง Wallbox ราคาประมาณ 25,000 บาท + ค่าติดตั้ง 10,000 บาท รวม = 35,000 บาท

  • ถ้าคุณขับรถ 1,500 กม./เดือน ค่าใช้จ่ายรถ EV = ~600 บาท

  • เทียบกับรถน้ำมัน = ~4,700 บาท

ประหยัด = 4,100 บาท/เดือน
ดังนั้นจะคืนทุนจากการติดตั้ง EV Charger ภายในประมาณ 8–9 เดือน

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณใช้รถ EV เป็นหลักในชีวิตประจำวัน การติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านคือการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในด้านความสะดวกและการประหยัดระยะยาว

EV สำหรับบ้าน: ไม่ใช่แค่ประหยัด แต่คือไลฟ์สไตล์

   นอกจากเรื่องค่าไฟหรืออัตราค่าชาร์จรถไฟฟ้าแล้ว เจ้าของบ้านจำนวนมากเลือก EV เพราะ:

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • ไม่ต้องเข้าปั๊มน้ำมันบ่อย

  • ช่วยให้บ้านดู “อัปเกรด” มีอนาคต

โดยเฉพาะถ้าออกแบบ จุดชาร์จให้กลมกลืนกับสไตล์บ้าน เช่น การฝังสายไฟใต้ดิน การจัดแสงบริเวณจอดรถ หรือการใช้วัสดุร่วมกับงานตกแต่งภายใน บริษัทออกแบบที่มีประสบการณ์อย่าง Queen Enterprise สามารถช่วยให้คุณวางแผนตั้งแต่ต้นได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่รวมถึงความสวยงาม และการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราคาชาร์จรถไฟฟ้า

Q: ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้ารวมติดตั้งอยู่ที่เท่าไหร่?
A: หากรวมตู้ Wallbox มาตรฐาน + เดินระบบไฟ + เซอร์กิตเบรกเกอร์ + สายดิน โดยเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 30,000–45,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยาวสายและโครงสร้างบ้านเดิม

Q: การชาร์จรถไฟฟ้าแบบพกพา (Portable Charger) จะช่วยประหยัดจริงไหม?
A: ประหยัดเฉพาะต้นทุนอุปกรณ์ แต่หากใช้ร่วมกับปลั๊กไฟเดิมที่ไม่ได้รองรับกระแสสูง อาจเกิดความร้อนสะสมหรือไฟฟ้าลัดวงจรได้ การชาร์จผ่าน Wallbox จะปลอดภัยกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า

Q: ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้าแพงขึ้นไหมในอนาคต?
A: แม้มีแนวโน้มปรับเพิ่มตามค่าไฟรวม แต่เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่ผันผวนสูง EV ก็ยังคงได้เปรียบในระยะยาว

ทำไมควรติดตั้ง EV Charger กับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ?

   การติดตั้ง EV Charger ไม่ใช่แค่การต่อสายไฟ แต่ต้องมีองค์ความรู้เฉพาะ เช่น:

  • กำลังโหลดไฟฟ้าในบ้าน

  • การเลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เหมาะสม

  • การเดินสายดินให้ถูกต้อง

  • ความเข้าใจเรื่องแรงดันไฟและการป้องกันไฟรั่ว

หากติดตั้งผิดวิธีอาจเสี่ยงต่อความเสียหายของอุปกรณ์ หรืออันตรายต่อผู้อยู่อาศัย

Queen Enterprise มีทีมงานที่เชี่ยวชาญทั้งระบบไฟและการออกแบบภายใน พร้อมจัดการตั้งแต่ประเมินความพร้อมหน้างาน ออกแบบโครงสร้างจุดชาร์จ และติดตั้งอุปกรณ์ได้มาตรฐาน พร้อมใบรับประกันและการบริการหลังติดตั้ง

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรรู้

   แม้ว่าค่าไฟจะประหยัดกว่า แต่เจ้าของรถ EV ยังควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น:

  • ค่าบำรุงรักษาตู้ชาร์จ (หากอยู่นอกประกัน)

  • ค่าซ่อมสายชาร์จหรือปลั๊ก

  • ค่าอัพเกรดระบบไฟบ้านหากมิเตอร์ไม่รองรับ

  • ค่าบริการแพลตฟอร์มจัดการพลังงาน (สำหรับ Smart Charger)

ซึ่งหากเลือกใช้งานกับผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน เช่น Queen Enterprise ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจในค่าใช้จ่ายระยะยาว

บทสรุป

   เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถน้ำมันอย่างรอบด้าน จะเห็นได้ชัดว่า ค่าไฟชาร์จรถไฟฟ้า นั้นประหยัดกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่ของราคาต่อระยะทาง และค่าใช้จ่ายระยะยาว แม้จะมีต้นทุนเริ่มต้น เช่น ราคาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า และค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า แต่หากวางแผนอย่างถูกต้อง เช่น การเลือกช่วงเวลาในการชาร์จ การใช้ Smart Charger หรือการออกแบบจุดชาร์จให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น ก็สามารถ คืนทุนได้ภายในไม่ถึง 1 ปี 
   ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนมาใช้รถ EV ยังช่วยลดมลภาวะ เสริมภาพลักษณ์บ้านที่ทันสมัย และเชื่อมต่อกับระบบพลังงานสะอาดในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
   หากคุณกำลังพิจารณาการ ติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า ที่บ้าน อย่ามองแค่เรื่องอุปกรณ์ แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับการออกแบบระบบไฟฟ้า สถานที่ติดตั้ง และความปลอดภัยโดยรวม ซึ่ง Queen Enterprise พร้อมเป็นผู้ช่วยของคุณในการวางแผนและติดตั้งแบบครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เข้าใจทั้งเรื่อง “เทคนิค” และ “การใช้ชีวิตจริง”
   เริ่มต้นบ้านของคุณให้พร้อมกับ EV อย่างมั่นใจ วันนี้!

บริษัท ควีนเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

โทร 

090-963-1565

Facebook

Queen Interior

Line@

@queen-interior

Scroll to Top