5 จุดเสี่ยงในการติดตั้ง EV Charger ที่ควรระวัง!

การติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นตามกระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เจ้าของบ้านหลายคนต้องการความสะดวกสบายในการชาร์จรถที่บ้านโดยไม่ต้องเดินทางไปสถานีชาร์จนอกบ้าน อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง EV Charger ไว้ที่บ้านนั้นไม่ใช่แค่การเสียบปลั๊กธรรมดา แต่มีประเด็นทางเทคนิคและความปลอดภัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง หากติดตั้งไม่ถูกวิธีอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ทั้งในแง่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน
เพื่อให้การ ติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพูดถึง 5 จุดเสี่ยงในการติดตั้ง EV Charger ที่ควรระวังเป็นพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Queen Enterprise ซึ่งมีความชำนาญด้านการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV สำหรับบ้านพักอาศัย ได้แนะนำว่าการใส่ใจในจุดเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้การชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และไร้ปัญหาในระยะยาว
1. ระบบไฟฟ้าของบ้านไม่เพียงพอ
หนึ่งในความเสี่ยงแรกสุดคือระบบไฟฟ้าภายในบ้านของคุณอาจไม่รองรับโหลดไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการชาร์จรถ EV เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าต้องใช้กระแสไฟฟ้าสูงและใช้เป็นระยะเวลานานกว่าการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปมาก หากมิเตอร์ไฟฟ้าหรือกำลังไฟฟ้าที่บ้านมีขนาดเล็กเกินไป เมื่อใช้งานที่ชาร์จรถไฟฟ้าพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ อาจทำให้กระแสไฟฟ้ารวมเกินพิกัดของมิเตอร์หรือเบรกเกอร์หลัก จนเกิดไฟตก ไฟดับ หรือเบรกเกอร์ตัดบ่อยครั้ง ในกรณีร้ายแรงอาจเกิดความร้อนสูงที่สายไฟจนนำไปสู่ไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้
วิธีป้องกัน: ก่อนทำการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้า ควรตรวจสอบความสามารถในการรองรับโหลดไฟของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เริ่มจากการตรวจขนาด มิเตอร์ไฟฟ้า ของบ้านว่ามีกี่แอมป์ โดยทั่วไปการไฟฟ้าแนะนำว่าบ้านที่ต้องการติดตั้ง EV Charger ควรใช้มิเตอร์ขนาดไม่น้อยกว่า 30(100) แอมป์ สำหรับไฟฟ้าแบบเฟสเดียว หรือหากเป็นไฟ 3 เฟส ควรใช้มิเตอร์ขนาด 15(45) แอมป์ หากบ้านคุณใช้มิเตอร์ขนาดเล็กกว่านี้ เช่น 5 หรือ 15 แอมป์ ควรแจ้งขอเพิ่มขนาดมิเตอร์กับการไฟฟ้าก่อน เพื่อรองรับการใช้ไฟที่สูงขึ้นจากเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า นอกจากนี้ควรพิจารณาปริมาณการใช้ไฟฟ้าปัจจุบันรวมกับเครื่องชาร์จว่าเกินพิกัด เมนเบรกเกอร์ (Main Circuit Breaker – MCB) หรือไม่ หากโหลดรวมเกินกว่าที่ระบบรับไหว ต้องทำการปรับปรุงระบบไฟฟ้าก่อนการติดตั้ง เช่น เปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าที่ใหญ่ขึ้นและเพิ่มขนาดเบรกเกอร์หลัก เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าที่สูงเกินไป บริษัท Queen Enterprise เน้นย้ำว่าการตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าเดิมเป็นสิ่งสำคัญมาก ก่อนเริ่มการ ติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า ที่บ้าน ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของบริษัทจะทำการประเมินโหลดไฟฟ้าและขนาดมิเตอร์เบื้องต้นให้ลูกค้าเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าที่บ้านสามารถรองรับการชาร์จรถ EV ได้อย่างปลอดภัย
2. การติดตั้งและเดินสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน
การเดินสายไฟและติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือดำเนินการโดยช่างที่ขาดความชำนาญ เป็นอีกจุดเสี่ยงที่สำคัญในการติดตั้ง EV Charger หากการติดตั้งไม่ถูกต้อง เช่น ใช้สายไฟขนาดเล็กเกินไป ต่อสายไม่แน่นหนา หรือไม่มีการแยกวงจรไฟฟ้าเฉพาะสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดปัญหาได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร สายไฟร้อนจัดจนฉนวนละลาย ความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งอุบัติการณ์ไฟไหม้
วิธีป้องกัน: ควรให้การติดตั้ง EV Charger เป็นหน้าที่ของช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตและประสบการณ์เท่านั้น โดยช่างจะต้องเดินสายไฟและติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น สายไฟเมน (สายไฟหลักที่ต่อจากมิเตอร์มาที่ตู้ไฟฟ้าภายในบ้าน) หากของเดิมมีขนาดหน้าตัด 16 ตร.มม. (ตารางมิลลิเมตร) ก็ควรเปลี่ยนเป็นขนาดอย่างน้อย 25 ตร.มม. เพื่อให้รองรับกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบตู้ไฟฟ้าหลักหรือ ตู้ MDB (Main Distribution Board) ว่ามีช่องว่างสำหรับติดตั้งเซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อย (MCB ย่อย) สำหรับวงจรเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าโดยเฉพาะหรือไม่ ถ้าไม่มีควรเปลี่ยนตู้ที่มีช่องรองรับเพิ่มเติม ทั้งนี้เครื่องชาร์จรถ EV ควรแยกวงจรไฟฟ้าออกมาต่างหาก ไม่พ่วงรวมกับวงจรอื่นในบ้าน เพื่อให้สามารถติดตั้งเบรกเกอร์คุมวงจรเฉพาะได้ตามพิกัดกระแสของเครื่องชาร์จและป้องกันไม่ให้มีโหลดอื่นมารบกวนหรือเกิดโอเวอร์โหลดในวงจรเดียวกัน
นอกจากนี้ การติดตั้งที่ได้มาตรฐานยังหมายถึงการยึดตัวกล่อง Wall Charger หรือเต้ารับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้มั่นคงกับผนังหรือโครงสร้างที่แข็งแรง ไม่ติดตั้งแบบห้อยหลวมซึ่งอาจหล่นหรือโดนกระแทกเสียหายได้ง่าย การเดินสายต้องเก็บให้เรียบร้อย อยู่ในท่อหรือรางสายไฟเพื่อป้องกันการขีดข่วนหรือสัตว์แทะกัด สรุปคือทุกขั้นตอนควรทำอย่างปราณีตตามหลักวิชาช่างไฟฟ้า
3. ไม่มีการติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD)
ระบบป้องกันไฟฟ้าดูดและไฟฟ้าลัดวงจรเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายคนมองข้ามเมื่อ ติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน หนึ่งในอุปกรณ์ความปลอดภัยหลักที่ควรมีคือ เครื่องตัดไฟรั่ว (Residual Current Device – RCD) ซึ่งมีหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินหรือไหลออกไม่สมดุล เครื่องตัดไฟรั่วนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกไฟดูดและลดความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้หากมีไฟฟ้ารั่วหรือลัดวงจรขึ้นมา โดยตามมาตรฐานแล้ว RCD สำหรับใช้งานภายในบ้านจะถูกกำหนดให้มีค่ากระแสไฟฟ้ารั่วไม่เกิน 30 มิลลิแอมป์ และต้องตัดไฟภายในเวลาเพียงประมาณ 0.04 วินาทีเมื่อเกิดไฟรั่วเกินค่าที่กำหนด การติดตั้ง RCD จึงเปรียบเสมือนการมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาขณะชาร์จรถ
หากไม่ได้ติดตั้ง RCD หรืออุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่วไว้เลย เมื่อเกิดเหตุผิดปกติเช่น น้ำเข้าเครื่องชาร์จ หรือสายไฟชำรุด ทำให้ไฟฟ้ารั่วลงตัวถังรถ ผู้ใช้ที่ไปสัมผัสอาจได้รับอันตรายจากไฟดูด เพราะกระแสไฟฟ้าอาจไหลผ่านร่างกายลงดินโดยที่ระบบไฟฟ้าไม่ตัดการทำงานทันที นอกจากนี้ไฟฟ้าที่รั่วไหลยังอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมจนลัดวงจรเกิดประกายไฟภายในวงจรชาร์จได้
วิธีป้องกัน: ควรติดตั้ง RCD Type B หรืออุปกรณ์ตัดไฟรั่วที่มีความสามารถใกล้เคียงกันร่วมกับวงจรของ EV Charger ทุกครั้ง โดย RCD Type B นั้นเหมาะสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าเนื่องจากสามารถตรวจจับไฟฟ้ารั่วได้ทั้งกระแสสลับ (AC) และกระแสตรง (DC) ที่อาจเกิดจากวงจรชาร์จของรถ EV บางรุ่น หากเครื่องชาร์จที่ติดตั้งเป็นแบบที่มีระบบตัดไฟรั่วในตัว (เช่น เครื่องชาร์จบางยี่ห้อที่มีอุปกรณ์ตัดไฟในตัวอยู่แล้ว) ก็ควรตรวจสอบว่าเป็นชนิดที่ได้มาตรฐานเพียงพอ แต่หากไม่มี ก็ควรให้ช่างไฟฟ้าติดตั้ง RCD เพิ่มเติมในตู้ไฟให้เรียบร้อย นอกจาก RCD แล้ว ระบบสายดิน ที่ถูกต้องก็จำเป็นเช่นกัน ควรเดินสายดินต่อเข้ากับหลักดิน (Ground Rod) ที่มีมาตรฐาน โดยหลักดินควรมีขนาดและความยาวตามข้อกำหนดมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้า (เช่น เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 มม. ยาว 2.4 เมตร ตามข้อมูลมาตรฐาน) เพื่อให้การระบายกระแสไฟฟ้าลงดินทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การต่อสายดินต้องยึดแน่นหนาและใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
Queen Enterprise ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ที่บ้าน ทีมช่างของบริษัทจะทำการตรวจสอบว่ามีการติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้ารั่วและสายดินอย่างครบถ้วนทุกครั้ง พร้อมทั้งเลือกใช้อุปกรณ์ตัดไฟและเบรกเกอร์นิรภัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้งาน
4. เลือกตำแหน่งติดตั้งไม่เหมาะสม
ตำแหน่งในการติดตั้ง EV Charger หรือจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านก็เป็นอีกเรื่องที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้หากเลือกไม่เหมาะสม จุดที่ติดตั้งควรเอื้อต่อการใช้งานทั้งในแง่ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย หากเลือกตำแหน่งไม่ดีอาจทำให้การชาร์จลำบากขึ้น หรือเกิดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
ประเด็นแรกคือ ระยะห่างระหว่างที่ชาร์จกับตำแหน่งจอดรถ ควรติดตั้งเครื่องชาร์จให้ไม่ไกลจากจุดจอดรถมากเกินไป สายชาร์จของเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าส่วนใหญ่มีความยาวจำกัดอยู่ที่ประมาณ 5-7 เมตรเท่านั้น หากจุดชาร์จอยู่ไกลเกินไปจะทำให้สายชาร์จยาวไม่พอไปถึงรถและไม่ควรใช้สายต่อพ่วงเพิ่มเติมเพราะอาจเกิดความร้อนและแรงต้านทานที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งที่เหมาะสม ควรอยู่ใกล้กับที่จอดรถหรือโรงจอดรถของบ้าน ในระดับที่สายชาร์จสามารถเสียบถึงรถได้โดยไม่ต้องตึงหรือพาดผ่านสิ่งกีดขวาง
นอกจากระยะแล้ว สภาพแวดล้อมของบริเวณติดตั้ง ก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรติดตั้งเครื่องชาร์จไว้ในที่ร่มหรือมีหลังคาป้องกันแดดและฝน แม้เครื่องชาร์จหลายรุ่นจะออกแบบมาให้ทนแดดทนฝนได้ระดับหนึ่ง แต่การติดตั้งในจุดที่โดนฝนสาดโดยตรงหรือโดนแดดจัดตลอดวันย่อมส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์ ความชื้นอาจซึมเข้าสู่วงจรภายในได้เมื่อเวลาผ่านไป และความร้อนจากแสงแดดก็อาจทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากจำเป็นต้องติดตั้งภายนอกบ้านจริง ๆ ควรพิจารณาทำหลังคาหรือกันสาดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันเครื่องชาร์จจากสภาพอากาศโดยตรง
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรระวังคือ ความปลอดภัยในระหว่างชาร์จ ขณะที่เสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรวางสายชาร์จพาดผ่านทางเดินที่คนสัญจรไปมา เพราะอาจทำให้สะดุดล้มเกิดอุบัติเหตุได้ ควรจัดวางเครื่องชาร์จและสายให้อยู่ในมุมที่เรียบร้อย ไม่กีดขวางทางเดินหรือพื้นที่ใช้งานอื่น ๆ ในบ้าน หากเป็นไปได้ควรติดตั้งเครื่องชาร์จให้อยู่สูงจากพื้นผิวระดับที่พ้นมือเด็กเล็ก และมีที่แขวนหรือที่เก็บสายชาร์จเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อลดความรกรุงรังและป้องกันสายชาร์จเสียหาย
การเลือกตำแหน่งติดตั้งที่ดีจะช่วยให้การชาร์จรถ EV ที่บ้านเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น (เจ้าของบ้านอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการประเมินจุดติดตั้งที่เหมาะสม หากไม่มั่นใจว่าควรติดตั้งตรงไหนเพื่อความปลอดภัยสูงสุด)
5. ใช้อุปกรณ์หรือวิธีการชาร์จที่ไม่ถูกต้อง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งมีรถ EV คือการใช้งานอุปกรณ์หรือวิธีชาร์จที่ไม่เหมาะสมกับการชาร์จรถไฟฟ้าจริง ๆ หลายคนอาจคิดว่าแค่มีสายชาร์จพกพาที่มากับรถ (ที่เรียกว่า Portable Charger หรือบางครั้งเรียกว่า EVSE ที่ติดมากับรถ) ก็เพียงพอแล้วในการชาร์จที่บ้าน ซึ่งจริง ๆ ก็สามารถใช้ชาร์จได้ แต่การนำสายชาร์จแบบพกพาไปเสียบกับเต้ารับปลั๊กไฟบ้านธรรมดาที่มีอยู่เดิมนั้นอาจมีความเสี่ยงหากระบบไฟฟ้าบ้านไม่ได้ถูกออกแบบไว้รองรับกระแสสูงต่อเนื่องนาน ๆ เช่น เต้ารับหรือปลั๊กพ่วงทั่วไปอาจรองรับกระแสได้เพียง 10-16 แอมป์ และการเสียบชาร์จรถ EV อาจต้องดึงกระแสสูงระดับนั้นต่อเนื่องหลายชั่วโมง ซึ่งปลั๊กและสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดความร้อนสะสมจนหลอมละลายหรือไฟไหม้ได้
วิธีป้องกัน: ควรใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เครื่องชาร์จแบบติดผนัง (Wall Charger หรือ Wallbox) มักจะมีระบบป้องกันไฟเกินและไฟรั่วในตัว และถูกออกแบบให้ทนกระแสสูงได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังควรเลือก เครื่องชาร์จ EV ที่ได้รับมาตรฐาน มอก. (มาตรฐานอุตสาหกรรมไทย) หรือมาตรฐานสากล เช่น IEC 61851 สำหรับเครื่องชาร์จชนิดติดตั้งถาวร และ IEC 62752 สำหรับเครื่องชาร์จแบบพกพาเพื่อความมั่นใจว่าอุปกรณ์มีระบบความปลอดภัยครบถ้วน และวัสดุที่ใช้สามารถทนต่อการใช้งานหนักได้จริง ในกรณีที่ยังต้องใช้เครื่องชาร์จแบบพกพา ควรให้ช่างไฟฟ้าช่วยตรวจสอบว่าปลั๊กบ้านของคุณ รองรับกระแสไฟได้พอ (อย่างน้อย 16 แอมป์ต่อเนื่อง) และควรติดตั้งเต้ารับชนิดพิเศษที่มีสายดินและเบรกเกอร์ป้องกันอย่างเหมาะสม ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงหรือเต้ารับหลายทางร่วมกับการชาร์จรถไฟฟ้าเด็ดขาด
บทสรุป
การติดตั้ง EV Charger ที่บ้านจะเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยหากเราใส่ใจในรายละเอียดทั้ง 5 ด้านข้างต้น ตั้งแต่ความพร้อมของระบบไฟฟ้าเดิม การติดตั้งที่ได้มาตรฐาน การมีระบบป้องกันความปลอดภัย ตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม ไปจนถึงการใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง ทุกจุดล้วนส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชาร์จรถไฟฟ้าของคุณในระยะยาว การละเลยจุดใดจุดหนึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาได้ ดังนั้นก่อนทำการ ติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน ควรตรวจสอบและเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วน
หากคุณเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องการติดตั้งที่ชาร์จรถไฟฟ้าอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ทีมงาน Queen Enterprise พร้อมให้บริการตั้งแต่การสำรวจหน้างาน ประเมินระบบไฟฟ้าเดิม แนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสม ไปจนถึงดำเนินการติดตั้งและทดสอบการใช้งานจริงอย่างครบวงจร ผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ที่บ้านจะเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย ไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคต ติดต่อ Queen Enterprise วันนี้เพื่อเริ่มต้นการติดตั้ง EV Charger ที่บ้านของคุณอย่างมืออาชีพ แล้วคุณจะสามารถชาร์จรถไฟฟ้าได้อย่างสบายใจและปลอดภัยทุกวัน!
บริษัท ควีนเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
โทร
090-963-1565
Queen Interior
Line@
@queen-interior